BDMS Wellness อีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่จะดันประเทศไทยสู่ Wellness Hub จากสถานการณ์ปัจจุบัน Wellness Tourism ไทยอยู่ในอันดับที่ 15 ของโลก
ภายในงานประชุมวิชาการ “BDMS ACADEMIC ANNUAL MEETING 2024” ที่ BDMS จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน ภายใต้แนวคิด “A ROAD TO LIFELONG WELL-BEING : EP.2 UNLOCK THE HEALTHY LONGEVITY” ที่ผ่านมา
หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ คือการจัดเสวนาในหัวข้อ “New Era Wellness Hub of Thailand” ซึ่งเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยแนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น แต่ยังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล อีกทั้งยังสอดคล้องกับกระแสเทรนด์สุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกในปัจจุบัน
นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort กล่าวถึงเทรนด์ของอุตสาหกรรม Wellness ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพระดับสากล และขับเคลื่อนให้ไทยเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการแพทย์แบบครบวงจร ไว้ว่า
“ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำตลาด Wellness อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยพบว่าประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี นั้นมีมากกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ที่ทำให้คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 77%”
ขณะที่ผลการวิจัยพบว่า ในปี 2566 (2023) ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าในปี 2571 (2028) จะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3% ทั้งนี้ ยังมีบางธุรกิจในกลุ่มของ Wellness ที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% โดยเฉพาะธุรกิจ Wellness Real Estate สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพสูงขึ้น
ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ของประเทศไทยครองอันดับที่ 15 ของโลกตามขนาดของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยเคยก้าวขึ้นสู่อันดับ 7 ของโลก กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกปรารถนาเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
BDMS Wellness
“BDMS มีความตั้งใจที่อยากจะเห็นประเทศไทยก้าวขึ้นสู่อันดับ 5 ของโลก ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ทุกคนใฝ่ฝัน และต้องการมาเยือนเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ โดยเป้าหมายใหญ่ของ BDMS ต้องการรวมทีมไทยแลนด์ เพื่อผลักดันให้ไปสู่ความสำเร็จในการเป็น Wellness Hub ได้ในที่สุด”
ทั้งนี้ นพ. ตนุพล ยังกล่าวย้ำว่า ปัจจัยที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ท้าชิงรายสำคัญในตลาด Wellness Tourism ระดับโลกได้นั้น ได้แก่ ธรรมชาติที่สวยงาม, อาหารไทย, การบริการและวัฒนธรรมการต้อนรับแบบไทย, การแพทย์แผนไทย และการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub)
“BDMS ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพครบวงจร อยากเชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันทำให้ทุกคนมีสุขภาพดี ในโปรเจกต์ Wellness Hub of Thailand เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนทั่วโลกอยากมาเยือน และกลับไปพร้อมกับสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น พร้อมทั้งใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเจ็บป่วยน้อยลง” นพ. ตนุพล กล่าวทิ้งท้าย
นพ.ตนุพล ยังได้แนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพที่ดี 5 ข้อ ได้แก่
หากทุกคนทำตามได้ ก็จะมีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น